top of page

เข้าถึงลูกค้า ด้วยสิ่งที่ลูกค้าอยากเห็น


สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเก็บความต้องการ เข้าใจลูกค้าให้ได้ก่อนว่าลูกค้าเป็นคนลักษณะไหน และต้องการเห็นอะไร มีเวลาเท่าไหร่ เป็นเทคนิคมั้ย ซึ่งตัวแปรที่สำคัญที่สุดคือ "เวลา" เวลาที่มีอยู่อย่างจำกัดจะทำอย่างไรให้จบเฟสการเก็บความต้องการนี้ได้

ขั้นตอนที่ 1 : วิเคราะห์ลูกค้า

ลูกค้าสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักๆดังนี้

ลูกค้าสบายๆง่ายๆ : ลูกค้าประเภทนี้เป็นประเภทที่น่าเป็นห่วงที่สุดเนื่องจาก การให้ความต้องการจะเป็นสูตรลักษณะนี้

ความต้องการเบื้องต้น + ความคาดหวังที่ไม่ได้บอก + เวลาที่มีจำกัด + ไม่เป็นเทคนิค

ลูกค้าประเภทนี้คุยง่ายไม่อยากลงรายละเอียด ต้องการให้นักวิเคราะห์คิดวิธีการหรือกระบวนการทำงานให้ทั้งหมด และก็มีความคาดหวังว่าโปรแกรมที่พัฒนาออกมาจะใช้งานง่าย ชอบดูที่ภาพรวมมากกว่าลงรายละเอียด ลูกค้ามีความเข้าใจว่าโปรแกรมสร้างเสร็จแล้วไม่ต้องพัฒนาขึ้นใหม่

ลูกค้าเทคนิค : ลูกค้าประเภทนี้เป็นประเภทที่ดีที่สุดแต่ก็ยังมีโอกาสเจอ การให้ความต้องการจะเป็นสูตรลักษณะนี้

Flow การทำงาน + ประสิทธิภาพ + Logic + เปรียบเทียบ + เทคนิค

ลูกค้าจะช่วยกันกับทีมเพื่อออกแบบความต้องการด้วยกัน โดยจะเก็บรายละเอียดฟังก์ชั่นงานทั้งหมด และมีความเข้าใจระบบการทำงานมาก ลูกค้ามีความเข้าใจ Flow การทำงานเป็นอย่างดี โดยไม่คาดหวังว่าจะกับระบบจะสวยงาม แต่จะคาดหวังประสิทธิภาพการทำงานและความถูกต้อง

ลูกค้ากราฟฟิค : ลูกค้าประเภทนี้เป็นประเภทที่เน้นความสวยงามเป็นหลัก มีโอกาสเจอมากที่สุด การให้ความต้องการจะเป็นสูตรลักษณะนี้

มีไอเดีย + เปรียบเทียบเว็บอื่น + ละเอียด + เปลี่ยนแปลง + ไม่เข้าใจข้อจำกัด

ลูกค้าจะคาดหวังว่าระบบงานจะต้องใช้งานง่าย ตามความรู้สึกของตนเองเป็นหลัก สีสัน การจัดวาง layout ในบางครั้งอาจจะให้ความต้องการที่ทำให้ยากต่อการพัฒนาระบบ ซึ่งลูกค้าอาจจะไม่เข้าใจข้อจำกัดเหล่านี้ ตรวจงานเทียบกับงานกราฟฟิคมากกว่าฟังก์ชั่นการทำงาน

หลักจากที่เราสามารถวิเคราห์ลูกค้าเรียบร้อบแล้ว ซึ่งอาจจะมีลูกค้าที่มีหลากหลายสไตด์รวมกันก็ได้ แต่เพื่อให้ผู้เก็บความต้องการสามารถเลือก Tools ที่เหมาะสมกับการพูดคุยและหาข้อสรุปให้เร็วและชัดเจนมากที่สุดจะสามารถแบ่งได้ต่อไปนี้

 

Wireframe

การวางตำแหน่งภาพ ข้อมูล วีดีโอ ตาราง และอื่นๆ นับว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก สำหรับการทำ Wirefreme แต่สิ่งที่ผู้เก็บความต้องการมักจะลืมคือการพูดคุยภาพรวมของเว็บไซต์ ซึ่งลูกค้าอาจจะไม่สามารถคิดได้ทั้งหมดในช่วงแรกว่าเว็บโดยรวมจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่ Site Map นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการทำ WBS (Work Brakedown Structure) อ่านเพิ่มเติม

สรุปการทำ Wireframe

1. Site Map , 2. Detail wireframe , 3. Rewrite & Grouping , 4.Permission

ผลลัพธ์ที่ควรจะได้

Site map , Screen layout overview content , Customer Business Overview

ลูกค้าเหมาะ

ผู้บริหาร , ผู้อำนวยการ , ผู้ที่รับผิดชอบภาพรวมโครงการ

เครื่องมือที่ชอบ

Sketch Flow , https://wireframe.cc/

 

Prototype

รายละเอียดของโปรแกรมที่ครบถ้วนทำให้ง่ายต่อการออกแบบระบบ รวมทั้งออกแบบฐานข้อมูล ดังนั้นส่วนการเก็บข้อมูลโดยใช้เครื่องมือที่ออกแบบ Prototype จะทำให้สามารถลงถึงรายละเอียดข้อมูลได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเป็น Function การทำงาน , Fields การเก็บข้อมูล และการไหลของข้อมูล สามารถทำให้ลูกค้าเป็นภาพการทำงานได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นนอกจากการพูดคุยคือการออกแบบ Interactive Prototype เพื่อให้ลูกค้าเป็นความเคลื่อนไหว หรือการ animate ในแต่ละการทำงานของระบบสามารถดูวิธีการทำ Prototype ตามที่ Link นี้

สรุปการทำ Prototype

1. Function , 2. Fields , 3. Flow , 4. Interactive & Animation

ผลลัพธ์ที่ควรจะได้

Prototype , Conceptual Database Design

ลูกค้าเหมาะ

เจ้าหน้าที่ไอที , เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน , ผู้ใช้งานระบบ , ผู้ดูแลระบบ

เครื่องมือที่ชอบ

Sketch Flow , Just in Mind

 

Mockup

สิ่งที่ใกล้เคียงกับ Application หรือ Web Application มากที่สุดคือ Mockupโดยที่ Mockup ยังสามารถแบ่งเป็นอีก 2 ชนิด คือ Low fidelity , High fidelity ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับทรัพยากรบุคคลและขีดความสามารถของผู้เก็บความต้องการว่าจะดำเนินการไปในทิศทางใด การที่ลงรายละเอียดระดับ High fidelity นั้นอาจจะทำให้การเก็บความต้องการกินเวลายาวนานเกินไป ซึ่งเนื้องานนี้ควรจะอยู่ในส่วนงานของ Analysis & Design มากกว่า สามารถดูวิธีการทำ Mockup ตามที่ Link นี้

สรุปการทำ Mockup

1. Layout UX , 2. Look and Feel , 3. Label , 4. Resolution Responsive

ผลลัพธ์ที่ควรจะได้

Graphic Page , System Label , Amount of Display Resolution

ลูกค้าเหมาะ

เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน , ผู้ใช้งานไม่เป็นเทคนิค , ผู้ใช้เริ่มต้น

เครื่องมือที่ชอบ

Sketch Flow , Photo shop, illustrator

bottom of page